รีวิว Jaybird Run อิสระแห่งการฟังเพลงของหูฟังออกกำลังกายไร้สาย
Jaybird Run คือ หูฟังสำหรับออกกำลังกายบลูทูธในรูปแบบ (True Wireless) หูแบบไร้สายอย่างแท้จริง คิดค้นพัฒนาเพื่อใช้งานร่วมกับการออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนไหวอ อย่างเช่น วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ฟิตเนส หรือ กิจกรรมต่างๆ ทำให้ฟังเพลงได้ต่อเนื่องด้วยคุณภาพเสียงที่ไม่เป็นรองใครกับมาตรฐานเสียง Jaybird ที่ทั่วโลกให้ความยอมรับ
คุณสมบัติเด่น
- ปรับแต่ง EQ มิติเสียงให้ตรงใจอย่างอิสระด้วยแอพพลิเคชั่น Jaybird My Sound
- เทคโนโลยีการส่งสัญญานเสียงแบบสเตริโอคุณภาพสูง A2DP , AVCRP , SPP
- เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์ ด้วย Bluetooth 4.1
- Charging Case เคสเก็บหูฟัง & ชาร์จแบตเตอรี่ ขนาดพกพา
- Sweat-Proof เคลือบสารพิเศษ 2 ชั้น ป้องกันเหงื่อและละอองน้ำได้เต็มที่
- วัสดุงานประกอบพรีเมี่ยม อายุการใช้งานที่ยาวนาน
- รองรับการสนทนาสายด้วยไมค์โครโฟน
- ใช้งานได้สูงสุดกว่า 4 ชั่วโมง ระยะเวลาชาร์จ 2 ชั่วโมง
- ระบบ Quick Charge ใช้เวลา 5 นาที ฟังเพลงได้สูงสุด 1 ชั่วโมง
อุปกรณ์ใน Jaybird Run
- หูฟัง Jaybird Run
- เคสเก็บหูฟัง & ชาร์จแบตเตอรี่
- สายชาร์จ USB
- จุกหูฟัง Round Silicone Ear Tips S/M
- จุกหูฟัง Oval Silicone Ear Tips S/M
- ที่เกี่ยวหู Secure-Fit Ear Fins 1/2/3/4
- ซองสำหรับเก็บอุปกรณ์หูฟัง
- ชุดคู่มือการใช้งาน
เคสเก็บหูฟัง & ชาร์จแบตเตอรี่
- อย่างที่กล่าวไปว่า Jaybird Run เป็นหูฟัง True Wireless อย่างแท้จริง ด้วยความไม่มีสายมารบกวนให้กังวัลใจขณะวิ่ง หรือ ทำกิจกรรม ทำให้เกิดความคล่องแคล่วว่องไวอย่างเห็นได้ชัด
- หมดปัญหาที่ต้องหาที่ชาร์จหูฟังอีกต่อไป ด้วยเคสสำหรับชาร์จแบตเตอรี่แบบพกพา เมื่อชาร์จหูฟังเต็มนำใช้งานต่อเนื่องถึง 4 ชั่วโมง และยังกลับมาชาร์จกับเคสได้ต่ออีกประมาณ 2 ครั้ง โดยเคสนั้นต้องชาร์จเต็มมาก่อน และชาร์จไฟแบบเร่งด่วนด้วยระบบ Quick Charge ใช้งานได้ต่อเนื่อง
- ไฟสถานะของ Charging Case ที่ช่วยแสดงการชาร์จไฟของหูฟังแต่ล่ะข้าง โดยบริเวณปุ่มกลางเป็นปุ่มสำหรับเปิดฝาเคสออก เมื่อปิดฝาระบบจะชาร์จไฟให้กับหูฟังอัตโนมัติ
- ในกล่องมีสาย USB แถมมาให้สำหรับชาร์จไฟให้กับ Charging Case โดยเสียบกับอแดปเตอร์ชาร์จไฟทั่วไป
- บริเวณหูฟังทั้งสองด้านมีไฟสถานะสำหรับชาร์จและการใช้งาน วิธีชาร์จเพียงวางหูฟังให้ตรงกับแท่นชาร์จ
- ขนาดของ Charging Case เล็กพกพาง่าย เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสมาร์ทโฟนอย่าง Iphone 6S ยังถือว่ามีขนาดที่พอเหมาะ พกพาสะดวก
หูฟัง Jaybird Run
รูปทรงหูฟังที่ออกแบบให้มีความกระชับกับสรีระหูได้อย่างสมบูรณ์แบบ บวกกับน้ำหนักที่เบาจึงทำให้คล่องตัวขณะฟังเพลง และไม่มีอาการเมื่อยล้าเมื่อฟังต่อเนื่อง ที่คิดค้นออกแบบโดยนักวิ่ง
หูฟัง Jaybird Run มีปุ่มมัลติฟังก์ชั่นให้ได้ใช้งานทั้งสองข้าง โดยหูฟังฝั่งขวามีไมโครโฟนสำหรับสนทนาสาย
ฝั่งซ้าย (Left)
- กด 1 ที ใช้งาน Siri หรือ Google Assistant
ฝั่งขวา (Right)
- กด 1 ครั้ง ใช้งาน Play/Pasue , Accept/End Call
- กด 2 ครั้ง Skip/Forward , Decline a Call
เมื่อลองสวมใส่ Jaybird Run ใช้งานฟังเพลงจริงๆในขณะเคลื่อนไหว โดยเลือกตัวเกี่ยวหูที่เข้ากันกับหูเราที่สุด ไม่พบปัญหาการหลุดของหูฟังทั้งสองอย่างแต่อย่างไร
เคลือบด้วย Hydrophobic Nano แบบพิเศษถึง 2 ชั้น ใครที่กลัวว่าเหงื่อจะเข้าหูฟังทาง Jaybird ได้การันตีว่าป้องกันเหงื่อได้ 100 % และยังป้องกันละอองฝนหรือน้ำกระเด็นจากการใช้งานอีกด้วย
ปรับแต่ง EQ
สำหรับใครที่ชอบปรับโทนเสียง EQ ทาง Jaybird ยังเอาใจให้ปรับแต่งได้อย่างอิสระด้วยแอพพลิเคชั่น jaybird My Sound ที่มีให้ดาวโหลดฟรีบนสมาร์ทโฟน ทั้ง IOS และ Android
เมื่อเชื่อมต่อหูฟัง Jaybird Run ผ่านบลูทูธของสมาร์ทโฟนแล้ว เข้ามาในแอพ jaybird My Sound มี Preset EQ ที่ถูกปรับแต่งให้เหมาะกับแนวเพลงต่างๆจากคนที่ใช้หูฟัง Jaybird ทั่วทุกมุมโลก หรือถ้าอยากมี EQ เป็นของตัวเองเท่ๆ สามารถเลือกปรับแต่งได้เอง ทั้งย่านเสียง Low,Mid,High ตามชอบใจ
นอกจากนั้นยังมีให้เลือกการใช้งานปุ่มกดหูฟังถึง 2 รูปแบบเพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ และ ใครที่ชอบลืมหูฟัง ตัวแอพ jaybird My Sound ยังสามารถค้นหาหูฟังได้ด้วยซึ่งใช้ตำแหน่งของสมาร์ทโฟนเป็นตัวอ้างอิง
สรุปกับหูฟัง Jaybird Run
ถ้าพูดถึงหูฟัง True Wireless สำหรับออกกำลังกายตัวท็อปๆในราคานี้ ต้องมี Jaybird Run อยู่ในอันดับต้นๆอย่างแน่นอน ด้วยคุณภาพเสียงที่ไม่เป็นสองรองใคร และ คุณภาพของวัสดุที่ทำได้สมราคา เป็นยิ่งกว่าหูฟังสารพัดประโยชน์เหมาะกับการใช้งานลุยแบบจริงจังได้ทุกสถานการณ์ ที่ขาดไม่ได้เลยคือเทคโนโลยีที่ Jaybird ตั้งใจคิดค้นนำมาใส่ให้ Jaybird Run เป็นหุฟังคู่ใจคนออกกำลังกาย