Jabees Firefly 2 หูฟัง In-Ear ในรูปแบบ True Wireless Stereo (TWS) ที่ไม่มีสายเข้ามารวบกวนในขณะใช้งาน ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เข้ามาแทนที่หูฟังบลูทูธมีสายแบบเดิม เพื่อตอบโจทย์การใช้งานการออกกำลังกาย หรือ ชีวิตประจำวัน ได้เต็มรูปแบบ รุ่นของ Firefly ถ้านับกันจริงๆ จำหน่ายมาแล้วถึงรุ่นที่ 3 โดยเปิดตัวรุ่นแรก Jabees Firefly ที่แยกตัวมาจาก Jabees BeeBud หูฟัง Firefly ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรุ่นท็อปสุดของแบรนด์ ซึ่งหลังจาก Firefly รุ่นแรกได้เปิดตัว ก็มีรุ่นใหม่ออกมา นั้นก็คือ Firefly PRO รุ่นนี้ป็นรุ่นย่อยมาจาก Firefly อีกที โดยได้เปลี่ยนแปลงเคสหูฟังในรูปใหม่ ให้รองรับการชาร์จไร้สายด้วยมาตรฐาน Qi แต่ดีไซน์หูฟังยังคงเหมือนเดิม ต่อยอดความสำเร็จ Firefly PRO ด้วยการเปิดตัว Firefly 2 เปลี่ยนแปลงฟังก์ชั่นครั้งใหม่ ทางแบรนด์ Jabees ได้นำข้อดีจาก Firefly ที่วางจำหน่ายไปแล้ว มาพัฒนาให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานออกกำลังกายมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะมีอะไรบ้าง รีวิวนี้ได้รวบรวมไว้หมดแล้ว

Black

• เริ่มที่สีดำ (Black) โทนสีดำสนิม โดยเนื้อผิวบริเวณโลโก้ Jabees จะออกแนวด้านๆ ซึ่งตรงนี้เองคือปุ่มกด MF ไว้สำหรับควบคุมการใช้งานได้ทั้ง 2 ข้าง
• บริเวณตัวหูฟังเมื่อกระทบกับแสงจะมีความเงาเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดริ้วรอย จึงทำให้ดูแลรักษาได้ง่ายขึ้น
• สำหรับสีดำ ถือว่าเป็นสีเดิมที่เคยมีมาแล้วในตระกูล Firefly เพียงแค่ปรับเปลี่ยนดีไซน์เพียงเท่านั้น

Charcoal

• สีชาร์โคล เป้นโทนสีใหม่ที่ผสมระหว่าง สีเทา และ สีดำ โดยบริเวณปุ่ม MF ยังคงเป็นสีดำด้าน
• สีชาร์โคลถือเป็นสีใหม่ล่าสุด ที่มีเฉพาะ Firefly 2 เท่านั้น โดยรวมแล้วถือว่าแปลกใหม่ ใส่แล้วดูเท่และเรียบหรูอย่างลงตัว

ดีไซน์หูฟังรูปแบบใหม่

ในเรื่องของการดีไซน์ที่เปลี่ยนใหม่เฉพาะ "หูฟัง" เพียงเท่านั้น ส่วนเคสเก็บหูฟังยังคงใช้รูปแบบเดิม เพียงปรับลักษะของช่องวางหูฟังเท่านั้น

Firefly 2 ใส่เพลงลงไปที่หูฟังได้ไหม ?

ตอบ : ไม่ได้ แต่สามารถแก้ปัญหาได้ ...

• ด้วยราคาของหูฟัง Firefly 2 ในราคา ฿2,xxx ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นจัดเต็มขนาดนี้ เป็นไปได้ยาก ที่เพิ่มหน่วยความจำเก็บเพลง และ ซิปประมวลผลให้รองรับ ถ้าหากคุณต้องการหูฟังในแนว True Wireless และเก็บเพลงได้ ในท้องตลอดตอนนี้ คุณอาจต้องจ่ายเพิ่มถึงหลักหมื่น

เก็บเพลงไม่ได้และจะฟังเพลงตอนว่ายยังไง ?

อย่างที่ตอบไปในคำตอบข้อแรก ทุกปัญหาต้องมีทางออกเสมอ ทุกวันนี้นาฬิกาออกกำลังกายอย่างแบรนด์ Garmin หรือ Fitbit ได้จำหน่ายนาฬิกาออกกำลังกายที่รองรับการเก็บเพลงไว้ที่นาฬิกา เพียงโอนถ่ายเพลงที่ชื่นชอบไปสู่นาฬิกาออกกำลังกาย พร้อมเชื่อมต่อกับหูฟังบลูทูธฟังเพลงได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องพกพาสมาร์ทโฟนอีกต่อไป อีกทั้งใช้นาฬิกาเป็นตัวติดตามกิจกรรมออกกำลังกายไปในตัว ไม่ว่าจะ วิ่ง ปั่น ว่าย หรือ กิจกรรมอื่นๆก็ตาม ดังนั้นเมื่อคุณว่ายน้ำเพียงใส่นาฬิกาออกกำลังกาย (รุ่นที่รองรับการฟังเพลง) อย่างเช่น Garmin Forerunner 245 Music ใช้คู่กับหูฟัง Firefly 2 เพื่อเชื่อมต่อเล่นเพลงจากนาฬิกา เท่านี้คุณก็ไม่ต้องกังวัลเรื่องการฟังเพลงขณะว่ายน้ำแล้ว

เสียงสนทนาที่คมชัด

เมื่อมาเปรียบเทียบคู่กันระหว่าง Firefly และ Firefly 2 จะเห็นได้ชัดว่า Firefly 2 นั้นมีส่วนที่ยื่นมาจากตัวหูฟังเพียงเล็กน้อย ซึ่งรุ่นก่อนหน้านี้จะไม่มี ด้วยการออกแบบใหม่นี้ ทำให้สวมใส่ได้กระชับและมั่นใจขึ้น อีกทั้งเป็นจุดของไมค์โครโฟนที่ถูกเพิ่มมาอีก 1 ตัว (จากรุ่นเดิมมีเพียง 1 ตัวเท่านั้น)

สรุปได้ว่า Firefly 2 มาพร้อมไมค์โครโฟนถึง 2 ตัว (Dual Microphones) เฉพาะหูฟังด้านซ้ายเท่านั้น ที่จะช่วยพัฒนาให้เสียงสนทนาคมชัด คู่สนทนาจะได้ยินเสียงดังและลดเสียงรบกวนรอบข้าง

เชื่อมต่อที่ดีขึ้น

คราวนี้ Firefly 2 เปลี่ยนการเชื่อมต่อหูฟังกับอุปกรณ์ฟังเพลงอย่าง สมาร์ทโฟน ด้วย (Dual Connection) ทำให้หูฟังทั้ง 2 ข้างเชื่อมต่อได้อย่างอิสระ (จากรุ่นเดิม หูฟังด้านขวาเป็นตัวกลางสื่อสารหูฟังด้านซ้าย) ด้วยฟังก์ชั่น Dual Connection นี้เอง ทำให้การเชื่อมง่ายขึ้นและ เสถียรกว่าเดิม

รูปแบบการสวมใส่

หูฟังไร้สาย True Wireless Stereo (TWS) แต่ทำไมในกล่องถึงแถม สายคล้อง (Strap) มาด้วย แล้วจะมั่นใจในการสวมใส่โดยไร้สายคล้องได้ยังไง ?  

• Firefly 2 ถ้าต้องการใส่วิ่ง และกลัวหูฟังหลุด แนะนำให้ใช้สายคล้อง (Strap) มีมาให้ในกล่อง ที่จะช่วยมายึดหูฟังทั้ง 2 ข้าง ให้คล้องต่อกัน อีกทั้งยังมีประโยชน์สำหรับคล้องคอในกรณีที่ไม่ได้ใช้งานอีกด้วย

แบตเตอรี่

ในด้านของ แบตเตอรี่ Firefly 2  ยังคงมีระบบชาร์จเร็ว (Fast Charge) ด้วยสาย USB-C ใช้เวลาเพียงชาร์จ 10 นาที ใช้งานได้สูงสุด 2 ชม. อีกทั้งชาร์จเต็ม 100% ใช้เวลา 45 นาที ใช้งานได้สูงสุด 10 ชั่วโมง (โดยขึ้นอยู่กับระดับเสียง)

ไฟสถานะทั้งหมดมีเพียง 2 ดวง 

ซ้าย : แบ่งออกเป็น 3 สี 

• 0-25% : สีแดง
• 25-75% : สีเหลือง
• 75%-100 : สีเขียว

ขวา : ไฟสีแดง บ่งบอกให้รู้ถึงสถานการชาร์จไฟเท่านั้น

ชาร์จไฟ

ในกล่อง Firefly 2 จะไม่ได้แถมแท่นชาร์จไร้สาย แต่เคสหูฟังนั้นรองรับการชาร์จไร้สาย ด้วยมาตรฐาน QI-Enabled ซึ่งใช้ได้กับแท่นชาร์จไร้สายในปัจจุบันนี้ ถือว่าเพิ่มความสะดวกสบาย โดยไม่ต้องใช้สายมาเสียบอีกต่อไป อยากชาร์จตอนไหนก็นำเคสไปวางบนแท่นชาร์จได้ทันที

วิธีใช้งาน

ใครได้หูฟังรุ่นนี้ไป ไม่ต้องกดปุ่ม!

• ต้องบอกไว้ก่อน Firefly 2 มากับเทคโนโลยีบลูทูธ 5.0 แล้ว ไม่เหมือนกับหูฟังรุ่นเดิมๆ ที่ใช้ บลูทูธ 4.0 หรือ บลูทูธ 4.1 จึงไม่จำเป็นต้องมากด เปิด/ปิด หรือ กดค้างๆเพื่อให้หูฟังเชื่อมต่อแต่อย่างใด

ไม่กด และใช้ยังไง ????

• ใช่ได้สิ ครั้งแรกเพียงคุณเปิดเคสหูฟังออกมา โดยไม่ต้องหยิบหูฟังออกมาจากเคส ตัวหูฟังจะอยู่ในสถานะรอจับคู่ (Pairing) เพียงเข้าไปกดเชื่อมต่อในอุปกรณ์ฟังเพลง อย่าง สมาร์ทโฟน, นาฬิกาออกกำลังกาย และ คอมพิวเตอร์ เท่านั้น
• และในครั้งถัดไป เมื่อเคยจับคู่กับอุปกรณ์แล้ว เพียงเปิดฝาเคสออกมา หูฟังจะเชื่อมต่อให้อัตโนมัติ ขอแค่เพียงอุปกรณ์ต้องเปิดบลูทูธอยู่ และ เมื่อต้องการปิดหูฟัง ก็ไม่ต้องกดปุ่มใดๆ เพียงนำมาวางลงบนเคสและปิดฝาเท่านั้น หูฟังจะปิดการใช้งานให้อัตโนมัติ

วิธีการควบคุม

• เล่น : กดปุ่มขวา 1 ครั้ง
• เล่นเพลงถัดไป : กดปุ่มขวา 2 ครั้ง
• เพิ่มระดับเสียง : กดปุ่มขวาค้างไว้
• ลดระดับเสียง : กดปุ่มซ้ายค้างไว้
• สั่งงานด้วยเสียง : กดปุ่มขวา 3 ครั้ง (เร็ว)
• รับเสียงรอบตัว : กดปุ่มซ้าย 3 ครั้ง (เร็ว)
• รับสาย/วางสาย : กดปุ่มขวา 1 ครั้ง
• ปฏิเสธสาย : กดปุ่มขวาค้างไว้ 2 วินาที
• เปิดแบบ Manually : กดพร้อมกัน 2 ข้าง 1 วินาที
• ปิดแบบ Manually : เข้าไปปิดการเชื่อมบลูทูธบนอุปกรณ์ฟังเพลง

คุณภาพเสียง

หลังจากที่ได้ทดสอบฟัง Firefly 2 ต้องบอกเป็นหูฟังอเนกประสงค์ ที่ฟังได้กับทุกแนวเพลง ด้วยการเก็บรายละเอียดของเสียงได้คมชัดทุกย่าน รวมไปถึงเสียงเบสที่มีมิติสมจริง เรียกได้ว่าหูฟังในงบเท่านี้กับคุณภาพเสียงที่ได้รับเกินราคาอย่างแน่นอน

สรุป

ทุกวันนี้หูฟัง True Wireless Stereo ได้ออกมาหลากหลายรุ่น ตั้งแต่หลักร้อย ไปจนถึงหลักหมื่น ถ้าคุณกำลังหาหูฟังรุ่นที่ถูกใจเพื่อนำไปใช้ฟังเพลงขณะออกกกำลังกาย หรือ ใช้ในชีวิตประจำวันก็ตาม ถ้าคุณยังหาหูฟังที่ยังตอบโจทย์ไม่ได้ ทั้งในเรื่องราคา หรือ ฟังก์ชั่น อยากให้นำ Firefly 2 เก็บไว้เป็นตัวเลือก รับรองคุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ด้วยราคาที่คุ้มค่า บวกกับฟังก์ชั่นที่ใส่มาแบบครบเครื่อง อีกทั้งคุณภาพเสียงที่ไม่แพ้รุ่นใหญ่ๆ